The Guide to Meditation – ฝึกสมาธิพร้อมกับการเสพงานศิลปะ

ชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตเราทุกคนหยุดนิ่งไม่ได้ มองถึงข้อดีก็คือเราทุกคนมีความสะดวกสบายมากขึ้น ได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างทันท่วงที ต้องการติดต่อใครก็สามารถทำได้ทันที โดยผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้ในแต่ละวันคนเราได้รับข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จำนวนมาก จากผลวิจัยจาก the Data Never Sleeps report ของ Domo (Cloud-based operating system company) เชื่อว่าในปี 2020 ที่ผ่านมา มนุษย์ 1 คน Generate ข้อมูล 1.7 MB ต่อวินาที หรือเทียบเท่ากับ 146.88 GB ต่อวัน เห็นได้ว่าเทคโนโลยีผลักดันให้ชีวิตของพวกเรานั้นต้องเดินตามโลกที่หมุนเวียนอย่างรวดเร็วแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

การได้รับข้อมูลข่าวสารจำนวนมากในแต่ละวันส่งผลร้ายกับเราอย่างไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่นการทำงานของพนักงานในออฟฟิศที่มีงานต้องทำหลายๆ อย่างใน 1 วัน หันไปด้านซ้ายก็อีกงาน หันไปด้านขวาก็มีอีกงานมากองข้างหน้า ทำให้แนวคิดเรื่องการทำงาน Multi-Tasking นั้น เป็นที่นิยม โดยคนที่คิดว่าตัวเองสามารถทำงาน Multi-Tasking ได้มักจะมองว่าดูเท่ เป็นคนมีความสามารถถืองานได้หลายๆงาน แต่เอาเข้าจริงๆ การต้องทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน ไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำงานทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เนื่องจากการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน จะทำให้สมองเราเกิดความคิดมากมาย โดยความคิดเหล่านั้นก็ถูกประมวลผลสลับกันไปมาโดยไม่ได้หยุดพัก สุดท้ายผลที่ได้รับก็คือเราก็ไม่ได้ Focus กับการทำงานและ Output ที่ออกมาก็ไม่มีประสิทธิภาพ บางครั้งการทำงานก็ต้องพบกับอุปสรรค์ ความเครียด และสิ่งที่ทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่ อย่างตัวผมเองถ้าเราต้องพบเจอกับความคิดด้านลบก็จะอยู่กับมันไปซักพัก ทำให้เรา Move On จากเรื่องแย่ๆ ที่เรากำลังคิดอยู่ไม่ได้ ส่งผลให้การที่เราจะไปคิดเรื่องอื่นต่อก็ทำได้ยาก หรือบางครั้งเราคุยกับคนที่อยู่ข้างหน้าเราแต่ว่าในสมองเราคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ควรทำแบบนั้นเพราะจะทำให้เราสื่อสารกับคนที่อยู่ข้างหน้าเราไม่รู้เรื่อง

วันก่อนระหว่างที่นั่งไถ Netflix ว่าจะดูอะไรดี ก็ไปสะดุดกับซีรี่ย์เรื่องนึงที่มีภาพ Cover สวยๆ เป็นรูปพระอาทิตย์สีเหลืองหลับตายิ้มอยู่ ด้วยความที่ว่าเราก็ชอบแนวแอนิเมชั่น Minimal สีสวยๆ เลยลองกดเข้าไปดู ซึ่งก็เป็นซีรี่ย์กึ่งสารคดีที่สอนการทำสมาธิในรูปแบบต่างๆ มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เล่าเรื่องด้วยภาพแอนิเมชั่น มีความเรียบง่าย ด้วยสีสันที่สวยงาม ถ้าใครได้ดูก็จะรู้สึกว่าเหมือนได้เสพงานศิลปะดีๆ นี่เอง เรื่องเล่าด้วยตัวละครที่ชื่อ Andy ก็คือคุณ Andy Puddicombe Co-Founder ของ Headspace ซึ่งเป็น Application สำหรับการฝึกทำสมาธิ โดยคุณ Andy เองเนี่ยก็ได้เคยศึกษาเกี่ยวกับการทำสมาธิโดยเคยได้มีโอกาสบวชเป็นพระที่ ทิเบต และเดินทางฝึกสมาธิหลายๆประเทศ อินเดีย เนปาล ออสเตรเลีย พม่า และประเทศไทย โดยเค้าเชื่อว่าจากประสบการณ์ในการเรียนรู้และเข้าใจในการฝึกสมาธิ ในหลายๆสถานที่เป็นเวลาหลายปี จะสามารถถ่ายทอดสรุปมาให้พูดฟังเข้าใจได้ง่าย และในแต่ละ EP นั้นก็ใช้เวลาไม่มากในการฟัง โดยช่วงท้ายๆ จะมีการฝึกทำสมาธิร่วมกัน หลังจากได้ผ่านแต่ละ EP ก็จะค้นพบว่าเราได้รับความรู้สึกดีๆ กลับมา และสมองเราจะรู้สึกโล่งเหมือนได้ทำสมาธิจริงๆ โดยการทำสมาธิเองนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการทำอาจจะใช้เวลาแค่ช่วงนึง 10-20 นาทีก็สามารถทำให้เกิดการฝึกสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาการทำสมาธินั้นใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด ระดับความเครียดและแม้แต่โครงสร้างของสมอง โดยจะเป็นส่วนที่เรียกว่า Neuroplasticity ที่บอกว่าสมองยืดหยุ่นปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้ นักวิทยาศาสตร์ได้นำพระสงฆ์เข้าเครื่อง Scan fMRI และได้เห็นการ Scan ของสมองก่อน/ระหว่าง/หลัง ทำสมาธิ ซึ่งการทำสมาธิเปรียบได้กับออกกำลังกายของสมอง เหมือนสมองไปยกเวทออกกำลังกายเสริมสร้ามกล้ามเนื้อ ถ้าเรายิ่งฝึกก็ยิ่งเกิดประโยชน์ การทำสมาธิจะส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยนไป โดยจะลดความเครียด หงุดหงิด ซึมเศร้า เพิ่มความสุข โดยการทำสมาธินั้นถ้าเราทำให้ติดต่อกันได้ 8 สัปดาห์ก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของสมองส่งผลให้สมองของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้นั้นจะใหญ่ขึ้น และส่วนสมองที่เกี่ยวข้อกับการกระวนกระวายและความเครียดนั้นก็จะเล็กลง ซึ่งสุดท้ายการทำสมาธิจะส่งผลการเปลี่ยนแปลงให้กับทางกายภาพนอกเหนือจากทางด้านจิตใจด้วย

ทางที่ดีที่สุดของการทำสมาธิคือการลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูดถึงมัน เริ่มต้นการทำสมาธิได้จากการทำตัวผ่อนคลายให้สบาย โดยไม่ต้องนั่งสมาธิจริงจังแบบที่เราเคยได้เรียนรู้มา คุณสามารถนั่ง หรือ นอนก็ได้ แต่ขอให้หลังตรงและรู้สึกสบาย และเริ่มทำสมาธิแบบหลวมๆ โดยมองไปรอบๆตัวถึงสิ่งอยู่รอบๆ ตัวเรา ให้มองรับรู้แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป และเริ่มทำการหายใจเข้าทางจมูก และผ่อนคลายร่างกายด้วยการหายใจออกทางปาก รับรู้ถึงลมหายใจตลอดเวลา ถ้าคุณต้องการก็ให้ทำการหลับตาลง ใช้เวลาซักพักทำการชื่นชมและยินดีกับการได้หยุด ไม่มีที่ไหนต้องทำ ต้องไป ทำการรับรู้ถึงน้ำหนักของตัวที่ได้วางลงไป และรับรู้ถึงลมหายใจปล่อยให้ร่างกายทำงานของมันไป อะไรที่ผ่านเข้ามาก็ให้ปล่อยมันออกไป เพื่อให้ได้จิตใจได้สงบอีกครั้ง ถ้าจิตของเราเริ่มฟุ้งซ่านก็ให้ปล่อยมันออกไปและกลับมาที่ลมหายใจของเราอีกครั้ง โดยสังเกตุถึงลมหายใจว่าสั้นหรือยาวและรับรู้ไปเรื่อยๆ อาจจะใช้เทคนิคในการนับลมหายใจก็ได้ โดยหายใจเข้าก็นับ 1 หายใจออกนับ 2 นับไปเรื่อยๆ จนถึง 10 และถ้าครบ 10 แล้วก็นับ 1 ใหม่อีกครั้ง

โดยแต่ละ EP นั้นก็จะมีวิธีการทำสมาธิที่แตกต่างกันไป

EP1 สอนการทำสมาธิแบบเบื้องต้น EP2 การทำสมาธิโดยการให้แสงแดดอันอบอุ่นเป็นตัวขับเคลื่อน EP3 การทำสมาธิโดยให้คิดถึงสิ่งดีๆ ในชีวิต EP4 การทำสมาธิโดยวิธีการจัดการกับความเครียด EP5 การทำสมาธิโดยความรักความเมตตาต่อคนอื่นและตัวเอง EP6 การทำสมาธิโดยการจัดการกับความเจ็บปวด EP7 การทำสมาธิโดยการจัดการความโกรธ EP8 การทำสมาธิโดยไปให้ถึงจุดที่ไร้ขีดจำกัด

ส่วนตัวผมเองนั้นเมื่อก่อนชอบนั่งสมาธิตั้งแต่เด็ก แต่พอเริ่มโตมาก็ไม่ค่อยได้มีเวลานั่งสมาธิเท่าไหร่ ด้วยงานที่ต้องทำอยู่ทุกๆ วันนั้น มีงานที่ต้องทำจำนวนมากและทำให้เราว้าวุ่น บางครั้งก็ต้องการหยุดพัก และผ่อนคลาย โดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องใดๆ ซึ่งก็คิดว่าการได้ทำสมาธิน่าจะเป็นคำตอบ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ทำการเซ็ตวันนั่งสมาธิในหนึ่งอาทิตย์ก็จะทำวันเว้นวันก่อนนอนโดยใช้วิธีต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวถ้าได้ผลยังไงจะมาเล่าให้ฟังให้อีกครั้งนึงครับ